简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เทียบให้ชัด ! โบรกเกอร์ดี VS โบรกเกอร์แย่ มีวิธีดูยังไง ?
โบรกเกอร์ Forex เจ้าไหนดี เจ้าไหนแย่ เขาดูกันแบบนี้! ในตลาด Forex หัวใจสำคัญที่กุมชะตาชีวิตเทรดเดอร์ไว้คือโบรกเกอร์ Forex เพราะเราจำเป็นต้องพึ่งโบรกเกอร์ให้ส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ของเราไปที่ตลาด Forex ถ้าเจอโบรกเกอร์ดีคือสวรรค์ แต่เจอโบรกเกอร์แย่ ๆ นี่คือนรกเลย วันนี้จะพาไปดูว่าโบรกเกอร์แบบไหนที่เรียกว่าดี และแบบไหนที่แย่จนห้ามไปยุ่ง
โบรกเกอร์แย่ !
1. ค่าบริการ-ค่าสเปรด แพงหูฉีก ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม หรือแม้กระทั่งค่าสเปรดการซื้อขายแพงเกินรับได้ แพงแบบไม่มีเหตุผลนี่อย่าไปยุ่งเลย ถ้าแพงต้องมีเหตุผลว่าเพราะอะไร มีสิทธิพิเศษอะไร เหมาะสมหรือไม่
2. ปลอมกราฟ ปลอมราคา โบรกเกอร์แย่ ๆ มักจะทำอะไรตุกติก มีการบังคับกราฟ, ทำให้ดีเลย์, สร้างราคาปลอม ๆ ที่ไม่เป็นไปตามราคาในตลาด สร้างกราฟเอง คือต้องระวังแล้ว เพราะนั่นน่ะต้มตุ๋นแน่นอน
3. โบรกเกอร์ที่มีแต่รีวิวแย่ ๆ ถ้าใคร ๆ ก็รีวิวว่าโบรกเกอร์นี้ขี้โกง คุณต้องถอยกลับมาคิดแล้วแหละว่าต่อไปคุณอาจเป็นคนนั้นเอง ยุคนี้มีช่องทางมากมายที่ให้เทรดเดอร์ที่เคยมีประสบการณ์ในอดีตได้แบ่งปันข้อมูลกัน ถ้ายังไม่รู้จะไปคุยที่ไหนเราขอแนะนำเว็บบอร์ดในแอป WikiFX เลย คุณสามารถคุยเรื่อง Forex โดยเฉพาะ
4. มีปัญหาเรื่องการถอนเงิน ตอนชวนไปเทรดก็พูดสวยรวยหรู ถอนได้ทันที ถอนง่าย แต่พอเทรดได้จริง ๆ จะถอนเงินปุ้บ กลับมีขั้นตอนยุ่งยากวุ่นวายสารพัดขึ้นมาทันที มีจ่ายโน่นนี่ขึ้นมา รอไปนานแค่ไหนก็ไม่ได้ ถ้าคุณเจอเรื่องประมาณนี้บอกเลยต้องเปลี่ยนโบรก ยิ่งฝากเงินเข้าไปเท่าไหร่ คุณจะยิ่งเสียหายเท่านั้น
5. โดนถอดใบอนุญาต หรือไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ใบอนุญาตเป็นสิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์อุ่นใจ แต่โบรกเกอร์เหล่านี้มักจะอิดออดมากเวลาเราขอดู บ้างก็บอกว่าให้ดูไม่ได้ กำลังทำข้อมูล บ้างก็สวมรอยโบรกเกอร์อื่น บ้างก็ปลอมขึ้นมา ถ้าอยากพิสูจน์ อันนี้คุณสามารถไปเช็คได้ด้วยการเอาชื่อโบรกเกอร์ไปค้นหาบนแอป WikiFX
โบรกเกอร์ดี !
1. ค่า Spread และค่าธรรมเนียมเหมาะสม ไม่เอาถูกเกินไปและไม่แพงเกินเหตุ ค่า Spread ที่ต่ำ ๆ นั้นจะได้เปรียบมากเวลาเราเทรด เราจะลดโอกาสในการขาดทุนลง แต่ก็ต้องดูเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ อาทิ ค่าธรรมเนียมโอน หรือการฝากและการถอนเงิน เป็นต้น
2. มีความเสถียรของระบบ โบรกเกอร์ Forex ที่ดีมักมีการใช้โปรแกรมเทรดที่มีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้ร่วมกับตัว Device ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ยิ่งมีช่องทางในการเข้าถึงการเทรดได้มากเท่าไหร่ โอกาสในการทำกำไรของคุณก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
3. ความเป็นมืออาชีพของ CS โบรกเกอร์ที่ดี ต้องมี Customer Support ที่ดี มีปัญหาก็มีช่องทางให้ถามได้ทันที เมื่อเกิดปัญหา เช่น เงินที่เติมไม่เข้าบัญชี ทำกำไรแต่ยอดเงินไม่เข้าไปในบัญชี ถอนได้ไม่ได้ อันนี้โบรกเกอร์ต้องมาแก้ปัญหาให้ หรือมาตอบคำถามทันที
4. การฝากถอนง่าย สะดวก รวดเร็ว ข้อนี้จะทำให้คุณบริหารการเงินได้คล่องมือยิ่งขึ้น เงินของเราคือเงินที่ควรจะอยู่ในการบริหารของเราได้อย่างแท้จริง การเบิกถอนได้ใช้เวลาไม่นาน ไม่ตุกติก ไม่มีปัญหาข้ออ้างให้เราต้องหนักใจ
5. โบรกเกอร์ดี ต้องมีใบอนุญาต โบรกเกอร์ที่ดีควรมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวด เช่น FSC ,CySEC , MiFID, FSA, NFA, SFC, ASIC, CONSOB เป็นต้น เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่จะยืนยันได้ว่าโบรกเกอร์ Forex นั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ มั่นคงปลอดภัย ถ้ามีปัญหาอะไรเราสามารถร้องเรียนเพื่อเรียกเงินกลับได้ แค่เลือกเทรดกับโบรกเกอร์มีใบอนุญาต มีชัยไปกว่าครึ่งบอกเลย
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
AvaTrade
GTCFX
FXTM
GO Markets
FOREX.com
XM
AvaTrade
GTCFX
FXTM
GO Markets
FOREX.com
XM
AvaTrade
GTCFX
FXTM
GO Markets
FOREX.com
XM
AvaTrade
GTCFX
FXTM
GO Markets
FOREX.com
XM