简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สกุลเงินเอเชียกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง หลังดอลลาร์แข็งค่ารอรับข้อมูล CPI
สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าลง ในวันพฤหัสบดี ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวจากการขาดทุนเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากการโฟกัสกลับไปที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่กำลังจะเปิดเผย ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในระยะสั้น
หยวนจีนเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีผลงานแย่ที่สุดในภูมิภาค ลดลง 0.3% ท่ามกลางความหวังลดลงว่าประเทศจะผ่อนคลายมาตรการต่อต้านโควิดที่เข้มงวดในระยะสั้น
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ซึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้เราเห็นการกลับมาของการควบคุม COVID-19 ในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายแห่ง
ความไม่สงบทางเศรษฐกิจในจีนได้ทำให้พื้นที่เศรษฐกิจอื่น ๆ ส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ปั่นป่วน โดยเฉพาะประเทศที่มีการค้าขายจำนวนมากกับจีน รูเปียห์ชาวอินโดนีเซีย และ วอนเกาหลีใต้ ลดลง 0.3% ขณะที่ รูปีอินเดีย ลดลง 0.3%
เยนปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่การฟื้นตัวของค่าเงินในขณะนี้ดูเหมือนจะชะลอตัวลงเมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ดัชนีดอลลาร์ และดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.3% แต่ยังคงช่วงบวก 0.8% จากวันพุธเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดกำลังรอ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่จะตามมาในภายหลังในวันนี้ คาดว่าจะแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคาของสหรัฐถูกตรึงไว้ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการเข้มงวดกับนโยบายมากขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่ค่าเงินในเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดกำลัง คาดโอกาส 66% ว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดในเดือนธันวาคม หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายนีล คัชการี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แห่งมินนิอาโปลิส เตือนเมื่อวันพุธว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งนี้ยังสะท้อนถึงคำแถลงของประธานเฟดเจอโรมพาวเวลล์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าในขณะที่ธนาคารจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังคงสูงขึ้นไปอีกนานและมีแนวโน้มว่าจะสูงสุดในระดับที่สูงกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก
สถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะกดดันค่าเงินเอเชียในระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาเป็นปัจจัยหลักที่ใหญ่ที่สุดที่กดดันสกุลเงินเอเชียในปีนี้ เนื่องจากช่องว่างระหว่างหนี้ที่มีความเสี่ยงและหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำแคบลง
ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่าเงิน เปโซของฟิลิปปินส์ ลดลง 0.1% แม้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานของประเทศแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ค่าเงินบาท กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย ที่ 36.875 บาทต่อดอลลาร์ แต่ยังคงแข็งค่าจากวันพุธที่ย่อตัวหลุดลงมาต่ำกว่าระดับ 37 บาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Investing.com
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
GTCFX
Saxo
Markets.com
XM
EC Markets
KVB
GTCFX
Saxo
Markets.com
XM
EC Markets
KVB
GTCFX
Saxo
Markets.com
XM
EC Markets
KVB
GTCFX
Saxo
Markets.com
XM
EC Markets
KVB