简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สายลงทุนต้องรู้ ! การลงทุนแบบ Lump Sum คืออะไร ?
แนวคิดพื้นฐานของ “วิธีการลงทุนแบบครั้งเดียวด้วยเงินก้อน หรือ Lump Sum” คือ การใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อลงทุนในจังหวะเวลาที่ประเมินแล้วว่าเหมาะสม (Market Timing) และมีความมั่นใจว่าในอนาคตราคาสินทรัพย์ที่ลงทุนจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คนที่เหมาะสมกับวิธีการลงทุนแบบนี้จะต้องเป็นนักลงทุนที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและภาวะเศรษฐกิจได้ดี มีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีเงินก้อนและรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนได้ เพราะถ้าหากจับจังหวะลงทุนผิดก็อาจสร้างผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างเช่น ลงทุนกองทุนรวม โดยใช้เงินลงทุน 24,000 บาท หากจับจังหวะ “ถูก” นำเงินก้อนทั้งหมดเข้าซื้อตอนเดือน เม.ย. โดยมีราคา NAV ณ สิ้นวัน 8 บาท จะได้จำนวนหน่วยลงทุน 3,000 หน่วย (24,000 บาท / 8 บาท) ถ้าราคา NAV ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของเดือน ธ.ค. เท่ากับ 10.50 บาท ก็เท่ากับว่า จะได้รับผลตอบแทนถึง 31.25% แต่กลับกันหากเราจับจังหวะลงทุน “ผิด” นำเงินก้อนทั้งหมดเข้าซื้อตอนเดือน พ.ย. โดยมีราคา NAV ณ สิ้นวัน 11 บาท จะได้จำนวนหน่วยลงทุน 2,181 หน่วย (24,000 บาท / 11 บาท) ถ้าเดือนธ.ค. ราคา NAV ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของปีเท่ากับ 10.50 บาท จะขาดทุน -4.58%
ข้อดีของการลงทุนแบบ Lump Sum
- ได้ผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้นเมื่อนักลงทุนมั่นใจว่าภาวะตลาดเป็นขาขึ้นและอยากให้การลงทุนได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ การลงทุนแบบครั้งเดียวจะได้ผลตอบแทนที่ดี เพราะราคาสินทรัพย์จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ และการลงทุนแบบครั้งเดียวจะมีต้นทุนต่ำกว่าแบบถัวเฉลี่ยในภาวะตลาดขาขึ้น
- ฝึกการจับจังหวะตลาดเทคนิคการลงทุนแบบครั้งเดียวให้ได้ผล คือ การจับจังหวะแม่นยำ ดังนั้น นักลงทุนต้องมีข้อมูลข่าวสาร การวิเคราะห์ ประสบการณ์การลงทุนสูง ที่สำคัญจะต้องมีความแม่นยำในจังหวะขายด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : setinvestnow
คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex อ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูลหมดไส้หมดพุง แอปเดียวที่จบครบ เรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
Trive
XM
AvaTrade
EC Markets
Exness
KVB
Trive
XM
AvaTrade
EC Markets
Exness
KVB
Trive
XM
AvaTrade
EC Markets
Exness
KVB
Trive
XM
AvaTrade
EC Markets
Exness
KVB