简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:จับตา ถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ตามความหวังว่าเฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้สูงมากนัก
ควรจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ Bowman, Mester และ Waller เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด รวมถึง ติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ จากฝั่งจีนและสหรัฐฯ
เงินดอลลาร์ อาจย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับได้ แต่ต้องระวัง การรีบาวด์ในระยะสั้นของเงินดอลลาร์ที่อาจเกิดขึ้น หากตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นมากดดันตลาดการเงิน ส่วนเงินบาทอาจเริ่มชะลอการแข็งค่าและมีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งต้องจับตาแนวโน้มราคาทองคำว่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรรุนแรงจนปรับตัวลงหนักหรือไม่ (ราคาทองคำเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทถึง 85%) รวมถึงควรติดตาม ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจเริ่มเห็นภาพการขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยมากขึ้น หลังดัชนี SET ได้ปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน ส่วนบอนด์ยีลด์ไทยเกือบทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะบอนด์ยีลด์ระยะยาวได้ปรับตัวลดลงพอสมควรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 35.60-36.30 บาท/ดอลลาร์
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนตุลาคม โดย ตลาดคาดว่า ยอดค้าปลีกอาจขยายตัวราว +1.0% จากเดือนก่อนหน้า หนุนโดยยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวขึ้นได้ดี รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ (หากหักผลของยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ก็จะขยายตัวเพียง +0.2%)
ทั้งนี้ การขยายตัวต่อเนื่องของยอดค้าปลีกจะสะท้อนแนวโน้มการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ยังดีอยู่ ทำให้เฟดยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง (แม้ว่าอัตราการขึ้นอาจชะลอลง) ซึ่งหากยอดค้าปลีกโตกว่าคาด อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด หลังจากที่ล่าสุด รายงานเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ แนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็อาจตึงตัวน้อยลงและเริ่มชะลอตัวมากขึ้น หลังบรรดาบริษัทเทคฯ ต่างประกาศปรับแผนการจ้างงาน (ลดการจ้างงานใหม่) รวมถึงบางแห่งก็มีการเลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก
ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 3 อาจขยายตัวในอัตราชะลอลง เมื่อเทียบเป็นรายปี จากที่โตถึง +3.5% ในไตรมาส 2 โดยเป็นผลจากการระบาดของ COVID-19 ในช่วงต้นไตรมาส 3 ซึ่งกดดันให้ภาคการบริการของญี่ปุ่นหดตัวและเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากการเปิดประเทศ
นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ก็มีส่วนกดดันภาพเศรษฐกิจญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี ตลาดประเมินว่า เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารสดและพลังงานจะพุ่งขึ้น ตามการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นของผู้ผลิต รวมถึงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังการเปิดประเทศ
ส่วนในฝั่งจีน ตลาดประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในเดือนตุลาคมยังคงซบเซาอยู่ ตามผลกระทบของมาตรการ Zero COVID โดยยอดค้าปลีกจะโตเพียง +0.7%y/y ส่วนยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ก็อาจเพิ่มขึ้น +5.2% สอดคล้องกับ การปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของจีนในช่วงที่ผ่านมา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Investing.com
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
FXTM
EC Markets
FOREX.com
Exness
Neex
Trive
FXTM
EC Markets
FOREX.com
Exness
Neex
Trive
FXTM
EC Markets
FOREX.com
Exness
Neex
Trive
FXTM
EC Markets
FOREX.com
Exness
Neex
Trive